แม้เมืองไทยจะมีอากาศร้อนชื้น แต่ช่วงปลายปี ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไปถือเป็นช่วง “ปลายฝนต้นหนาว” ช่วงเวลาที่ขึ้นชื่อในเรื่องสภาพอากาศแปรปรวน เดี๋ยวฝนตก แดดออก หรือสักพักอากาศอาจเริ่มแห้ง ผิวพรรณและร่างกายของเราก็อาจปรับตัวไม่ทัน สกินแคร์ช่วงหน้าร้อนที่เน้นบำรุงแบบบางเบาจึงอาจยังไม่ตอบโจทย์ แต่ครั้นจะใช้ครีมเนื้อหนัก ๆ เพื่อหวังกักเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ก็กลัวว่าผิวจะมันและเป็นสิว

หากคุณกำลังประสบปัญหาแบบนี้ เรามีเคล็ดลับที่จะช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นและเสริมเกราะป้องกันให้กับผิวโดยไม่ทำให้ผิวระคายเคือง เพียงใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มีความอ่อนโยนสูงอย่าง “น้ำมันมะรุมสกัดเย็น”

ปลายฝนต้นหนาว กับปัญหาผิวที่ยากจะรับมือ

ไม่ว่าจะอากาศร้อนหรืออากาศเย็น ผิวของเราก็อาจขาดน้ำและเสียสมดุลได้เสมอ ซึ่งเราก็ได้สรุปปัญหาผิว 3 ประการที่แต่ละสภาพผิวต้องระวังมาฝากกัน 

ผิวแห้ง แพ้ง่าย

แน่นอนว่าเมื่อความชื้นในอากาศลดต่ำลง ผิวมีโอกาสสูญเสียน้ำมากขึ้น แม้จะลงเซรั่มหรือมอยซ์เจอไรเซอร์ตัวเดิม บริเวณจมูกหรือข้างแก้มของคนผิวแห้งก็ยังลอกเป็นขุยขาว ๆ หรือมีสัมผัสแห้งกร้าน คัน และระคายเคือง ซึ่งยิ่งแย่ลงจากการใช้สกินแคร์ที่มีความชุ่มชื้นไม่พอ
ควรทำ - ใช้มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวแพ้ง่ายอย่างน้ำมันมะรุมสกัดเย็น หรือลองสครับผิวเบา ๆ เพื่อช่วยให้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวซึมเข้าผิวได้ดีขึ้น
ไม่ควรทำ - หลีกเลี่ยงการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นซึ่งชะล้างน้ำมันธรรมชาติของผิวออกไปหมด

ผิวมัน

ผิวมันอาจมันกว่าปกติแม้ในช่วงที่อากาศแห้ง เพราะเมื่อผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ต่อมไขมันอาจผลิตน้ำมันออกมาชดเชยมากขึ้น บางคนผิวทั้งมันและลอกพร้อม ๆ กัน จากการที่ผิวอ่อนแอและขาดน้ำอย่างรุนแรง
ควรทำ - ใช้สกินแคร์ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างสมดุลให้กับผิว และใช้มอยส์เจอไรเซอร์ต่อไปอ่ยางสม่ำเสมอ
ไม่ควรทำ - หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่แรงหรือการล้างหน้าที่บ่อย ๆ

ผิวเป็นสิวง่าย

ไม่ว่าคุณจะผิวแห้งหรือผิวมัน หากผิวเสียสมดุลในช่วงอากาศแปรปรวน ก็อาจทำให้เกิดสิวและอาการแพ้ต่าง ๆ ได้ เพราะสิวไม่ได้เกิดจากอากาศร้อน แบคทีเรียหรือความมัน แต่เรารบกวนผิวหน้าบ่อย ๆ หรือมีอาการผิวขาดน้ำ สิวก็อาจมาเยือนได้เช่นกัน 
ควรทำ - ใช้สกินแคร์ที่มีความอ่อนโยนเพื่อปกป้องปราการผิว มองหาส่วนผสมที่มีคุณสมบัติต่อต้านแบคทีเรียตามธรรมชาติ
ไม่ควรทำ - หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีฤทธิ์แรง เช่น โทนเนอร์ที่มีแอลกอฮอล์
 

4 เคล็ดลับเพื่อผิวดีจากภายใน แค่รักษาสมดุลผิวด้วยน้ำมันสกัดเย็นจากมะรุม

“น้ำมันมะรุม” ในรูปของน้ำมันสกัดเย็นเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าสามารถเติมเต็มสเต็ปการใช้สกินแคร์ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นได้ และยังช่วยรับมือกับผิวบริเวณหนังศีรษะที่แห้งและลอกเป็นขุยสีขาวคล้ายรังแค ผมแห้ง เล็บแห้งฉีก แเรามาดูกันว่า ในแต่ละขั้นตอนการดูแลผิว คุณสามารถใช้น้ำมันมะรุมสกัดเย็นทำอะไรได้บ้าง 

1. ทำความสะอาดผิว

ผิวสุขภาพดีเริ่มต้นที่การทำความสะอาด ก่อนล้างหน้าทุกครั้ง สามารถใช้น้ำมันมะรุมเป็นออยล์ลบเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกจากมลภาวะทางอากาศได้ ด้วยความที่เป็นเนื้อออยล์ จึงสามารถช่วยดึงคราบสกปรกออกจากผิวได้อย่างหมดจด โดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึง

2. เติมความชุ่มชื้นแต่ไม่ทิ้งความมัน

ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำมันสกัดเย็น แต่น้ำมันมะรุมมีเนื้อสัมผัสที่บางเบาและซึมซาบเข้าสู่ผิวของคุณได้เป็นอย่างดี มอบความชุ่มชื้นแบบที่ผิวไม่มันและไม่อุดตันรูขุมขน จึงใช้แทนเซรั่มหรือใช้เสริมกับครีมบำรุงตัวอื่น ๆ ได้ตลอดปี ตอบโจทย์อากาศแห้งในช่วงหน้าหนาว และความเป็นเมืองร้อนของประเทศไทย

3. บำรุงหนังศีรษะ

มะรุมมีสรรพคุณเรื่องความชุ่มชื้นและพลังแห่งการบำรุงที่เข้มข้น สารต้านอนุมูลอิสระในมะรุมจะช่วยคืนสมดุลให้แก่หนังศีรษะ จึงแก้ปัญหาหนังศีรษะลอก รังแค และเชื้อราบนหนังศีรษะได้ดี โดยหยดน้ำมันมะรุมเพียงเล็กน้อยแล้วนวดลงบนหนังศีรษะเบา ๆ ก่อนสระผม จะช่วยเติมความชุ่มชื้น รักษาอาการคัน และบำรุงรากผมให้แข็งแรง

4. เสริมสร้างความแข็งแรงให้เส้นผมและเล็บ

สุดท้าย น้ำมันมะรุมยังช่วยบำรุงเส้นผม จมูกเล็บ และเล็บ ซึ่งมักอ่อนแอ เปราะบาง และฉีกขาดในช่วงอากาศแห้ง ด้วยคุณค่าของวิตามินต่าง ๆ และสารต้านอนุมูลอิสระ เพียงใช้นวดเบา ๆ ก็เติมความชุ่มชื้นและสารอาหารที่จำเป็นได้ทันที

หากคุณต้องการหาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสักตัว ที่ตอบโจทย์ในช่วงสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง อีกทั้งยังช่วยมอบความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่ทำให้ผิวมันเยิ้ม “น้ำมันมะรุม” คืออีกหนึ่งทางที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อทุกสภาพผิว ทั้งยังปราศจากน้ำหอมและสารเคมี คุณจึงสามารถใช้น้ำมันสกัดเย็นเพื่อดูแลผิวพรรณ เส้นผม และเล็บได้ครบโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการระคายเคือง

 YURI & TERRA เราคัดสรรน้ำมันมะรุมสกัดเย็นที่ดีที่สุดจากฟาร์มออร์แกนิกในประเทศเยเมนที่ปลูกด้วยปุ๋ยอินทรีย์ ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติทั้งหมด และไม่ทดลองกับสัตว์ จึงมั่นใจได้ในความบริสุทธิ์เพื่อส่งต่อความยั่งยืนสู่โลกใบนี้อย่างแท้จริง